3/30/20

Covid-19 Letter to Future- What human gain from this situation? เราเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้บ้าง


https://www.youtube.com/watch?v=Y4l1ie8zaCo

จดหมายจากปัจจุบันถึงอนาคต

มนุษย์ทุกคนเกิดมาต่างหวังความสุขในชีวิต
ทุกคนต้องการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ตราบเท่าที่ตัวเองจะทำได้
ต่างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย
แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกตามที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน แม่แต่ใจมนุษย์

แม้แต่โลกมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน แต่คนส่วนมากไม่ได้ตระหนักหรอกว่าโลกมีการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากมนุษย์เป็นผู้ทำ ใช้ทรัพยากรของโลกอย่างคิดว่าไม่มีวันหมด
และมองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาได้เห็นประโยชน์ส่วนรวมไม่

มันมีมนุษย์บางคนที่ต้องการอำนาจ การควบคุม การเป็นใหญ่ การมีตัวตัว และได้ครอบครองหลายๆสิ่งบนโลกนี้ โดยที่อาจจะคิดว่าตนเองจะครอบครองสิ่งนั้นตลอดไป ไม่คิดถึงวันที่ตัวเองต้องเจ็บ ป่วย หรือลาจากโลกนี้ไปแล้ว

สถานการณ์โลกในวันนี้ รวมถึงประเทศไทยได้ เรากำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับเชื้อไวรัสที่มีการทำลายร้ายมนุษยชาติเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคนรวย คนจน คนดัง ต่างก็ได้รับผลกระทบกันท้ังนั้น
เรากำลังตกอยู่ในภาวะความวิตกและความเครียด กลัวว่าเราหรือคนใกล้ตัวเรากำลังจะติดเชื้อ ทั้งกลัวทั้งเป็นห่วง

เพราะตามที่เกริ่นไว้แล้วว่าเราอยากมีชีวิตที่ดี ที่มีความสุข และไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับมวลมนุษยชาติ หลายคนมีเงินเดินทางท่องเที่ยว หาความสุขจากภายนอกเลยได้เชื้อโรคตัวนี้กลับไปประเทศของตัวเองด้วย

ใครจะนึกว่าความสุขจะกลายเป็นความทุกข์ ตอนนี้เรายังไม่วัคซีนรักษาหรือป้องกันโรคนี้แต่มีบางรายที่มีภูมิคุ้มกันและสามารถหายจากโรคนี้ บางคนแย่หน่อยก็อาการหนัก บางคนก็เสียชีวิตเพราะมีโรคแทรกซ้อน และมีการระบาดอย่างหนัก

เราติดตามการระบาดของไวรัสตัวนี้ต้ังแต่ต้น เพราะเราคิดว่ามันใกล้ตัวเรามาก เนื่องจากสถานที่เราอยู่มีคนเชื้อชาติหนึ่งที่เป็นต้นกำเนิดของเชื้อตัวนี้

เรามีความวิตกขนาดไม่เข้าฟิตเนสเลย เพราะว่าเราเป็นคนที่เอามือป้ายตา บ่อยมาก ขยี้ตา และการติดต่อของเชื้อตัวนี้ก็ผ่านการเอามือไปสัมผัสที่ตา ที่ปาก หรือ จมูก

เราลืมดูจิตตัวเองไปพักนึง เพราะวิตกกังวลแต่ก็ยังต้องใช้ชีวิตตามปกตินะ แต่ก็พยายามป้องกันตัวเอง
ไม่ว่าจะการเดินทางไปทำงาน การกินอาหารหรือการพักผ่อน พยายามป้องกันตัวเองทุกที่


ณ ตอนนี้ สถานการณ์เริ่มแย่ลง เราก็ตัดสินใจเดินทางกลับมาจากกทม.กับเพื่อนอีกหนึ่งคนโดยมีเพื่อนสนิทขับรถไปรับถึงอพาร์ทเมนท์เราเลย มันก็ค่อนข้างกระทันหัน แต่ว่าเหมือนเหตุการณ์ปิดห้าง ปิดร้าน
ปิดโรงเรียน ปิดบางสถานที่กำลังแย่ลง เราจึงเดินทางกลับมาตุภูมิบ้านเกิด เมืองระยอง


กลับมาอยู่กับพ่อแม่ แต่ด้วยความที่ทุกคนกลัวว่าคนที่กลับมาจากกรุงเทพจะเป็นตัวเชื้อโรค
รัฐบาลก็เลยออกมาตรการให้ต้องกักตัว 14 วัน  วันนี้ก็วันที่ 9 แล้ว เรากลับมาวันอาทิตย์ที่ 22  มีนาคม
ไม่ได้กลับมาอยู่บ้านพ่อแม่นานแล้ว ห้องที่เรากำลังเขียนอยู่นี่ก็เป็นห้องนอนที่เรานอนตั้งแต่เด็ก อ่านหนังสือ ทำการบ้านที่นี่

สถานการณ์โลกไม่ดีขึ้นแต่เราโอเคกับสถานการณ์ที่เราอยู่บ้าน เราไม่รู้สึกอึดอัดเพราะเรามีสวนหลังบ้าน สวนที่เราจะสร้างเป็นบ้านของเราในอนาคตและทำธุรกิจสอนภาษาออนไลน์  เราถูกกักตัวแต่ใจเราไม่ได้ถูกกักหรือความคิดของเราก็ไม่ได้ถูกกัก 

เรารู้สึกถึงความอบอุ่นของบ้านนี้แม้ว่าตอนนี้เราไม่ได้กอดหรือจับหรืออยู่ใกล้กับพ่อแม่
เราได้เห็นถึงความรักที่แม่มีให้กับพ่อและทำหน้าที่ของแม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เราได้เห็นถึงความเป็นห่วงกังวลของเพื่อนที่เสียสละไปรับเราถึงกรุงเทพ
เราได้เห็นถึงความสุขของการอยู่บ้านและได้ทำในส่ิงที่ตัวเองรักคือการสอนภาษาและทำวีดีโอ
เราได้เห็นถึงความขยันของพ่อกับแม่ที่เราเคยได้เห็นมันตอนเราเรียนหนังสือ แล้วท่านทำงานหนักจนส่งเสียเราและสอนให้เราตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้ทำงานสบายไม่ต้องลำบากเหมือนพวกท่าน
เราได้เห็นถึงใจเราว่าเรารู้สึกรักและมีความสุขกับการได้อยู่กับธรรมชาติแม้ว่าอากาศจะร้อน
แต่ความเย็นของลมที่พัดมากระทบผิวทำให้เรามีความสุข
เราได้เห็นถึงความอร่อยของการกินอาหารฝีมือแม่มันไม่ได้เลิศหรู ไม่เหมือนกินแซลมอนราคาแพงแต่เรากินอิ่ม หลับสบาย มีความสุขทุกวัน
เราได้รับรู้ถึงการเอาใจใส่ของ อาสาสมัครประจำหมู่บ้านและโรงพยาบาลที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
เราได้เห็นถึงศักยภาพในการทำงานจากที่บ้านของเรา แม้ว่าเราจะทำงานท่ามกลางห้องที่ร้อนระอุเหมือนอยู่ในเตาอบแต่ก็คงเทียบไม่ได้กับพ่อและแม่ที่ทำงานตากแดดหลังขดหลังแข็งจนสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาให้เราได้อาศัยและนอนพักและเป็นที่พักพิงหลบภัย
เราได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าเราต้องการอะไร

สิ่งที่เราต้องการและทำให้เรามีความสุขคือ
ความรักที่เราได้รับจากพ่อ แม่และคนรอบข้าง
อาหาร ที่อยู่หรือบ้าน ที่ไม่ต้องเลิศหรูแต่ว่าอยู่แล้วสบายใจ
งานที่ทำให้เราอยากตื่นมาทำอย่างมีความสุข

ชีวิตดูเหมือนง่ายนิดเดียวแต่เรากลับทำให้มันยาก

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นของเราตลอดไป และทุกสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของเรามันไม่ใช่ของเรา
เราแค่ขอยืมมาใช้ชั่วคราวเท่านั้น

เราทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ หากเราทำหน้าที่ของเราได้ดีที่สุดแล้ว เราคิดว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับเรา
วันนี้ เราเห็นจิตของเรามากขึ้น เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ท่ามกลางวิกฤตสถานการณ์แบบนี้เราไม่ได้ลำบากเหมือนใครๆที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เพราะเราดำเนินชีิวิตอย่างมีสติมาตลอด

ร่างกายเรานี้เรายืมมา มันก็อาจจะมีเจ็บมีป่วย มีโรคบ้าง
เราไม่สามารถควบคุมมันได้ทุกอย่างหรอก
แต่ก็หวังว่าหากเราเจ็บป่วยขึ้นมา มันจะไม่ต้องทรมานมาก
ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะดับลง

ขอให้เราได้กลับมาอ่านจดหมายนี้อีกครั้ง ในวันที่สถานการณ์ดีขึ้น
และหากเกิดอะไรขึ้น ก็ให้กลับมาพิจารณากายใจ และสังขาร
สังขารนี้หาเที่ยงไม่

ณ​ เวลา เกือบเที่ยงคืนของคืนวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563(2020) ก่อนเข้าวันพระ 31 มีนาคม 2020

ว่าแล้วก็จะไปสวดมนต์อุทิศบุญกุศลให้ผู้ที่เสียชีวิตทุกๆคนจากเหตุการณ์นี้
ขอให้ทุกอย่างดีขึ้นในเร็ววัน